VannDa แร็ปเปอร์ชาวกัมพูชา ผู้ร่วมแสดงในพิธีปิดโอลิมปิก 2024

VannDa
VannDa

VannDa พิธีปิดโอลิมปิกเกมส์ 2024 น้ำเพชร ฏีร์ญาภา จะจัดขึ้นที่สนาม Stade de France ในฝรั่งเศส ซึ่งจะมีการแสดงที่น่าตื่นเต้น หลังจากนักกีฬาจากทั่วโลกเข้าร่วม โดยการแสดงชุดแรกคือ “นักเดินทางสีทอง” ตามด้วยการแสดงของวงดนตรีชื่อดัง Phoenix ที่จะร่วมกับศิลปินชั้นนำ เช่น Angèle จากเบลเยียมและ VannDa แร็ปเปอร์จากกัมพูชา เพื่อสร้างบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาและน่าจดจำ วัณณ์ฎา (VannDa) เป็นแร็ปเปอร์ที่มีชื่อเสียงในกัมพูชา โดยเฉพาะจากเพลง “Time To Rise” ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างฮิปฮอปกับดนตรีพื้นบ้านเขมร เพลงนี้มีเสียงขับร้องจากอาจารย์กง ไณย และใช้เครื่องดนตรีพื้นบ้านเขมรโบราณ เช่น เป็ยฎ็องแวงและขลุ่ยพื้นเมือง เพลงนี้กลายเป็นไวรัลใน TikTok และมียอดวิวบน YouTube ถึง 30 ล้านในเวลาเพียง 3 สัปดาห์ ทำให้เขาเป็นศิลปินคนแรกที่มีเพลงกัมพูชายอดวิวเกิน 100 ล้านวิว

วัณณ์ฎา มาน หรือ วัณณ์ฎา เกิดเมื่อวันที่ 22 มกราคม 1997 เว็บ คาสิโนออนไลน์ ในจังหวัดพระสีหนุ ประเทศกัมพูชา เขาเติบโตในครอบครัวที่มีฐานะยากจน

โดยอาศัยอยู่ในเจดีย์และต้องเดินเท้าไปทั่วในขณะที่เพื่อนๆ ในวัยเดียวกันมีรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ใช้ นี่คือภาพสะท้อนของชีวิตที่ท้าทายที่เขาต้องเผชิญในวัยเด็ก

วันดา เป็นเด็กที่มีความฝันอันยิ่งใหญ่ แม้จะเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก ในชั้นเรียนเขามักตอบว่า อยากเป็นศิลปินหรือแรปเปอร์ เมื่อถูกถามเกี่ยวกับ

อาชีพในอนาคต แต่คำตอบของเขากลับ ทำให้เพื่อนและครูบางคนหัวเราะเยาะเขา เนื่องจากไม่เชื่อว่าเขา จะสามารถทำความฝันให้เป็นจริงได้

ในเพลง SKULL (IF I DIE) วันดาแร็ปสะท้อนถึงชีวิตในบ้านเกิดที่พระสีหนุ โดยเปรียบเทียบการเติบโตกับการปลูกต้นไม้ในดินแห้งแล้ง เขาเล่าถึงการเดินทาง 200 กิโลเมตรสู่กรุงพนมเปญ

และการต่อสู้เพื่อความสำเร็จในวงการเพลงกัมพูชา พร้อมกับการแบ่งปันอาหารกับน้องสาว ในช่วงเวลาที่ขาดแคลน ก่อนที่จะมีผลงานแรกในปี 2014 ที่ทำให้เขาเริ่มเป็นที่รู้จัก

ในปี 2021 เขาประสบความสำเร็จ ในวงการดนตรีด้วยเพลง “Time To Rise” ซึ่งได้รับการสนับสนุน จากค่ายเพลง Baramey (บารมี) มิวสิกวิดีโอดังกล่าว มีการแสดงออกถึงความงดงาม ของประติมากรรมเขมร และศิลปะวัฒนธรรมเขมรในอดีต นอกจากนี้ ยังมีท่อนแร็ปที่กล่าวถึงศิลปินเอก ของกัมพูชาที่ล่วงลับ การขับร้องโดย อาจารย์กง ไณย และการผสมผสานเสียงเครื่องดนตรีพื้นเมือง กับบีตฮิปฮอปทำให้เพลงนี้ มีพลังมากยิ่งขึ้น